หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Assignment 3


Assignment 3

ให้นักศึกษาเขียนระบบการสอนวิชาใดก็ได้ ในสาขาวิขาสังคมศึกษา 1ระบบ ตามหลัก I P O ในแต่ล่ะองค์ประกอบให้นักศึกษาอธิบายรายละเอียดแต่ล่ะองค์ประกอบนั้นๆมาด้วย

ระบบการศึกษา วิชาประวัติสาสตร์
      
        เพื่อความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างศาสตร์หลัก สาขาวิชา ศึกษาศาสตร์ สังคมศึกษา และประวัติศาสตร์ (ศึกษา) โดยได้แสดงในรูปแผนภาพ ดังนี้


        ประวัติศาสตร์เป็นสาขาย่อยสาขาหนึ่งของสังคมศาสตร์ เนื่องจากใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์มาศึกษา ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ในอดีตจากสิ่งที่มนุษย์ได้จารึกไว้เป็นภาษาและอ่านแปลความหมายได้ วิธีการทางประวัติศาสตร์ มีลำดับขั้นตอน ดังนี้
  • ขั้นตอนที่ ๑ การกำหนดเป้าหมาย ในเรื่องที่ต้องการหาคำตอบ กำหนดจุดประสงค์ในสิ่งที่จะศึกษา อดีตเกี่ยวกับอะไร สมัยใด ด้วยเหตุผลใด การกำหนดเป้าหมายได้ ผู้ศึกษาต้องศึกษาจากเอกสาร สังเกต และต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา คำถามหลักประกอบในการศึกษา คือ สาเหตุ (เพราะเหตุใด) และวิธีการ (อย่างไร)
  • ขั้นตอนที่ ๒ การรวบรวมข้อมูล คือ การแสวงหาหลักฐานประจักษ์ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร และหลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร (หลักฐานทางโบราณคดี) ทั้งที่เป็นหลักฐานชั้นต้น(ปฐมภูมิ) ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ และมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ และหลักฐานชั้นรอง(ทุติยภูมิ) ซึ่งอธิบายเรื่องราวให้เข้าใจได้ง่ายกว่าหลักฐานชั้นรอง โดยทั่วไป การรวบรวมข้อมูลมักเริ่มต้นจากหลักฐานชั้นรองแล้วจึงศึกษาหลักฐานชั้นต้นมายืนยัน การศึกษาประวัติศาสตร์ที่ดีควรศึกษาจากข้อมูลหลายประเภท การรวบรวมข้อมูลที่ดีจะต้องใช้ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
  • ขั้นตอนที่ ๓ การประเมินคุณค่าของหลักฐาน คือ การตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูล โดยใช้วิจารณญาณ ด้วยการวิพากษ์หลักฐาน (external criticism) เป็นการตรวจสอบหลักฐานพิจารณาจากสาระที่สัมผัสได้ เป็นข้อมูลรูปลักษณ์ และวิพากษ์ข้อมูล (internal criticism) เป็นการตรวจสอบคุณค่า ความน่าเชื่อถือ และความหมาย ความตลาดเคลื่อน อคติ เพื่อให้ได้ความจริงที่อธิบายได้ด้วยเหตุและผล และสอดคล้องกับหลักฐานประจักษ์
  • ขั้นตอนที่ ๔ การตีความหลักฐาน คือ การพิจารณาข้อมูลที่ปรากฏในหลักฐาน ในการเข้าถึง เจตนาของผู้สร้างหลักฐาน จากรูปแบบ ลักษณะการเขียน รูปลักษณ์ หลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ความหมายที่แท้จริง
  • ขั้นตอนที่ ๕ การวิเคราะห์ข้อมูลและการสังเคราะห์ คือ การนำข้อมูลที่ผ่านการตีความหลักฐานมาวิเคราะห์ เพื่อจัดแยกประเภทของเรื่องที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ด้วยความเป็นเหตุเป็นผล จากนั้น นำเรื่องทั้งหมดมาสังเคราะห์เข้าด้วยกัน เรียบเรียงเรื่องราวเพื่อนำเสนอสารสนเทศในสิ่งที่ค้นพบหรือคำตอบ                       
เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์ของศาสตร์และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ จึงขอเสนอแผนภาพ ดังนี้




หลักการสอนประวัติศาสตร์ในสังคมศึกษา
การสอนประวัติศาสตร์ในสาระสังคมศึกษา ควรเริ่มจากการทำความเข้าใจว่า ประวัติศาสตร์อยู่ในฐานะเป็นส่วนหนี่งของสังคมศึกษา สังคมศึกษา คือ การเลือกสรรสาระเนื้อหาที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตสังคมในฐานะเป็นพลเมืองดี (สมาชิกที่ดีของสังคม) จากสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ และสังคมศึกษาเป็นสาขาย่อยของการศึกษา เป้าหมายของศึกษา คือ การพัฒนาคนให้มีคุณภาพตามที่สังคมกำหนด (ถ่ายทอดความรู้และวัฒนธรรมของสังคม)
ใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์
มีหลักฐานประจักษ์ (จากตัวอักษรที่แปล/ตีความได้) อาจเป็นได้ทั้งหลักฐานขั้นปฐมภูมิ ขั้นทุติยภูมิ หลักฐานโบราณคดี (โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ เป็นต้น)
พัฒนาผู้เรียนให้เรียนรู้ในลักษณะบูรณาการ มองเป็นองค์รวม ตามประเด็นที่ศึกษา ด้วยองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ วิถีชีวิตและการจัดระเบียบสังคม การปกครอง การสื่อสาร การติดต่อกับคนนอกกลุ่ม ภูมิปัญญา ศิลปะ เป็นต้น
เมื่อครูเข้าใจความคิดรวบยอดเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ สังคมศึกษา และประวัติศาสตร์ในฐานะเป็นระเบียบวิชาหนึ่งกับประประวัติศาสตร์ในฐานะเป็นส่วนของสังคมศึกษาแล้ว การออกแบบการสอน และกิจกรรมการสอนก็ย่อมเป็นไปตามหลักการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การพัฒนาผู้เรียนด้วยกิจกรรมการทำโครงงาน เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถพัฒนาผู้เรียนสอดคล้องกับวิธีการทางประวัติศาสตร์ได้ อย่างไรจะขอกล่าวในภาพรวมของสังคมศึกษา แต่จะยกตัวอย่างในสาระการเรียนรู้ประวัติศาสตร์

หลักการทำโครงงานสังคมศึกษา (ดูในหลักการทำโครงงาน)
ความหมายของโครงงาน 
คำโครงการกับโครงการมักจะมีความสับสน และมีข้อสงสัย เมื่อโครงการ ในภาษาอังกฤษใช้ว่า Project และในขณะเดียวกันคำว่า โครงงาน ก็ใช้คำ Project เช่นกัน ประการแรกต้องกำหนดขอบเขตความหมายของคำโครงงาน ซึ่งมีผู้ให้ความหมายโครงงานไว้ต่าง ๆ กัน เช่น 
โครงงาน คือ การจัดการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าและลงมือปฏิบัติ โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ 
โครงงาน (Project) เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยปรัชญาของการทำงานโครงงานก็เพื่อประมวลความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนตลอดจนเพื่อแสวงหาคำตอบของปัญหาที่นักเรียนสนใจ 
โครงงาน หมายถึง การจัดการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องราวที่ผู้เรียนมีความสนใจ และเกิดปัญหาข้อสงสัยในการค้นคว้าหาคำตอบ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย 
โครงงานเป็นการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายๆสิ่งที่อยากรู้คำตอบให้ลึกซึ้งหรือเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆให้มากยิ่งขึ้นโดยใช้วิธีการศึกษาอย่างมีระบบขั้นตอน มีการวางแผนศึกษาอย่างละเอียด ปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคำตอบในเรื่องนั้นๆโครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์เป็นการศึกษาค้นคว้า เกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายๆสิ่งที่อยากรู้คำตอบให้ลึกซึ้งหรือเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆให้มากยิ่งขึ้นโดยใช้วิธีการศึกษาอย่างมีระบบขั้นตอน มีการวางแผนศึกษา อย่างละเอียด ปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคำตอบในเรื่องนั้นๆ
 http://my.opera.com/somprasong/blog/xit-y9blkl9in

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น